CBD หรือที่รู้จักกันในชื่อ Cannabidiol กำลังได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในช่วงนี้ สารตัวนี้มีสรรพคุณมากมาย ตั้งแต่การบรรเทาอาการเจ็บปวด จนไปถึงความเครียดและความวิตกกังวล รวมถึงการนอนหลับด้วย โดยสรรพคุณทั้งหมดนี้ผ่านการศึกษาและพิสูจน์ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์แล้ว
เมื่อมีคนลองใช้สาร CBD มากขึ้นเรื่อยๆ คำถามใหม่ก็เกิดขึ้นมาว่า “ใช้แล้วจะตรวจสารเสพติดเป็นบวกหรือเปล่า?” “ถ้าตรวจเจอ CBD ในร่างกาย คุณจะโดนไล่ออกจากงานหรือไม่?”
คำตอบคือไม่ ขอแค่คุณใช้เฉพาะ CBD และไม่ใช้ THC ก็พอ ยังสับสนอยู่ใช่ไหม? มาอ่านคำอธิบายแบบละเอียดกันดีกว่า

การตรวจสารเสพติดไม่ได้ตรวจหาสาร CBD
ภายในกัญชา สาร THC คือสารประกอบที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทซึ่งทำให้เรารู้สึกมึนเมา และยังเป็นอีกเหตุผลที่ทำไมกัญชาจึงได้รับชื่อเสียงแย่ ๆ ในหลายที่ของโลก จนในที่สุดก็เป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่กับ Cannabidiol ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย สารตัวนี้จะผ่อนคลายกว่า ไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และไม่ทำให้คุณรู้สึกมึนเมา จึงทำให้ถูกกฎหมาย
การตรวจสารเสพติดส่วนใหญ่ในไทยและทั่วโลกจะตรวจหายาเสพติดที่มีความ ‘ร้ายแรง’ ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เสพติด มึนเมา และทำให้คุณทำเรื่องบ้าๆ เสียการเสียงาน ซึ่งสารตัวดังกล่าวได้แก่
- สารโอปิออยด์ อย่างเฮโรอีน มอร์ฟีน เฟนทานิล ฯลฯ
- แอมเฟตามีน
- โคเคน
- สเตียรอยด์
- PCP
- กัญชา (THC)
สำหรับกัญชา การตรวจสารเสพติดจะมองหา THC และเมแทบอไลต์ของสารตัวนี้ ขอแค่คุณใช้เฉพาะ CBD และไม่ใช้ THC ก็ไม่เป็นไรแล้ว แถมกฎหมายกัญชาในประเทศก็ได้อนุญาตให้ใช้ผลิตภัณฑ์ CBD ได้ ขอแค่ปริมาณ THC ไม่เกิน 0.2% เมื่อเทียบกับน้ำหนัก ดังนั้นคุณปลอดภัยแน่นอนในแง่กฎหมาย
เมื่อพูดถึง THC แล้ว หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยสูบบ่อย สารตัวนี้อาจจะค้างอยู่ในร่างกายสูงสุดสามวัน นับตั้งแต่สูบครั้งล่าสุด
หากคุณเป็นคนที่สูบกัญชาหนักมาก การตรวจสารเสพติดอาจพบได้สูงสุด 30 วันนับตั้งแต่ครั้งล่าสุด นั่นเป็นเพราะสาร THC ละลายในไขมันได้ และจะถูกปล่อยออกมาช้า ๆ จากร่างกายของคุณเมื่อเผาผลาญไขมัน
คุณยังคงมีโอกาสตรวจแล้วได้ผลเป็นบวกอยู่ในขณะที่ใช้ CBD

แม้ว่าการตรวจสารเสพติดจะไม่ได้หา Cannabidiol โดยเฉพาะ แต่คุณก็มีโอกาสตรวจแล้วได้ผลเป็นบวกอยู่ดี นั่นเป็นเพราะ:
ผลิตภัณฑ์มีสาร THC ในปริมาณที่ต่ำ
ผลิตภัณฑ์ CBD ที่คุณใช้มีสาร THC ร่วมด้วย สาเหตุก็เพราะน้ำมัน CBD มีอยู่ทั้งหมดสามสเปกตรัมด้วยกัน ได้แก่ แบบ Full, Broad และ Isolate สำหรับแบบ Full Spectrum ประกอบด้วยสาร CBD และ THC, ส่วนแบบ Broad จะประกอบด้วย CBD และสารเอนโคแคนนาบินอยด์ตัวอื่น ๆ เช่น CBN, CBG ฯลฯ ในขณะที่แบบ Isolate คือสาร CBD แบบเพียว ๆ เลย
ด้วยเหตุนี้ จึงมีโอกาสเป็นไปได้ที่สาร THC อาจเข้าไปสู่ร่างกายของคุณ โดยขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันที่คุณใช้งาน
ผลิตภัณฑ์ราคาถูกหรือมีคุณภาพต่ำ
คุณไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง คุณอาจซื้อน้ำมันแคนนาบินอยด์แบบสเปกตรัม Isolate หรือ Broad แต่ผู้ผลิตอาจไม่ได้สกัดออกมาด้วยกรรมวิธีที่ถูกต้อง พวกเขาอาจมักง่ายในกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุน ส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนข้าม (cross-contamination)
พวกเขาอาจติดฉลากผลิตภัณฑ์ไม่ถูกต้องด้วย โดยขาย CBD ผสมกับ THC โดยอ้างว่าเป็นแบบ Isolate เพียวๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจสักเท่าไหร่ มีการศึกษาและการวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ CBD กว่า 70% ที่ขายผ่านช่องทางออนไลน์มีการติดฉลากไม่ถูกต้อง
การสูบต่อจากผู้อื่น
คุณสัมผัสกับสาร THC อย่างต่อเนื่อง หรือบางทีคุณอาจจะอยู่กับกลุ่มคนที่ชอบสูบกัญชา แล้วสูบต่อจากคนกลุ่มเหล่านั้น
บทสรุปทิ้งท้าย

สุดท้ายแล้ว คุณต้องทราบว่าการตรวจสารเสพติดไม่ได้ตรวจหา CBD ในกัญชา แต่จะตรวจหาแค่ THC และเมแทบอไลต์เท่านั้น
ตามหลักแล้ว คุณน่าจะรอดจากการตรวจสารเสพติดหากน้ำมัน CBD ของคุณประกอบด้วย THC น้อยกว่า 0.2% ตามกฎหมายในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่น้ำมัน CBD ทุกยี่ห้อที่จะทำตามมาตรฐานเหล่านี้ แม้ว่าจะโฆษณาว่าเป็นแบบนั้นก็ตาม คุณควรซื้อสารสกัด CBD คุณภาพสูงอย่างตัวนี้จากทาง Midnight มองหาใบรับรองการวิเคราะห์ อ่านรีวิว ใช้วิจารณญาณของคุณเอง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้น้ำมันจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและไม่โฆษณาเกินจริง แม้ว่าราคาอาจจะแพง แต่ก็คุ้มเพราะคุณรู้แน่ ๆ ว่าได้ของดี
ที่ Bloom นี่คือสิ่งที่เรารับประกันสำหรับผลิตภัณฑ์ทุกชนิดเลย