กัญชากลายมาเป็นเทรนด์ในประเทศไทยได้อย่างไร
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกัญชาที่น่าสนใจนั้นก็คือ กัญชาถูกนำมาใช้ครั้งแรกเมื่อ 12,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเก่าแก่กว่ายุคสมัยอียิปต์และพิรามิด
กัญชามีประวัติอันยาวนานซึ่งแผ่ขยายไปทั่วโลกมาหลายพันปี บรรพบุรุษของเราทราบเรื่องนี้มานานแล้วและได้นำกัญชามาใช้เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ พัฒนาการต่างๆนั้นไม่ได้ถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด แต่ผู้คนก็เริ่มมีอาการมึนเมา!
เราก็ทราบประวัติกัญชาโดยอิงจากการค้นพบ การศึกษา และการขุดค้นทางประวัติศาสตร์ ทำให้พืชที่ทำให้คุณมีความสุขและลดความเจ็บปวดนี้กลายมาเป็นพืชที่ผู้คกล่าวถึงในหลายประเทศทั่วโลก
กัญชามีต้นกำเนิดมาจากเอเชียกลางและไม่กี่พันปีถัดมากัญชาก็แพร่สู่หลายประเทศทั่วโลกโดยเกิดจากการอพยพ การค้า และการทหารของมนุษย์
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นที่เอเชียกลาง

การบันทึกทางประวัติศาสตร์ล่าสุดนี้พบว่ากัญชากำเนอดขึ้นประมาณ 12,000 ปีก่อนคริสตกาลในเอเชียกลาง โดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาอัลไต ในปัจจุบันพื้นที่เหล่านี้กลายเป็นพื้นที่ของภูมิภาคของรัสเซีย จีน มองโกเลีย และคาซัคสถาน ซึ่งก็สมเหตุสมผลว่าทำไมกัญชาที่ดีที่สุดในโลกนั้นมาจากพื้นที่ภูเขาเช่น ฮินดูกูช
พื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่ใกล้ชิดกันทำให้ อาณาจักรและอารยธรรมที่อยู่ใกล้กับเอเชียกลางจึงเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับประโยชน์จากกัญชา ซึ่งรวมถึงยูเรเซีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และโลกอาหรับ อย่างไรก็ตามก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าหลายพันปี
Nomads ใช้กัญชาเพื่อผลิตเส้นใยของเสื้อผ้าและเชือก กัญชาถูกนำมาทำอาหารและน้ำมัน นอกจากนี้ พวกเขายังค้นพบว่าการใช้กัญชาที่ร้อนจัดจะทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีหรือความรู้สึกสบายทและช่วยฆ่าเวลาในสมัยนั้น
อย่างไรก็ตาม กัญชาไม่ได้ถูกนำมาใช้เพื่อฆ่าเวลาอย่างเดียวเท่านั้น มีการค้นพบว่ากัญชาช่วยรักษาโรคซึมเศร้า วิตกกังวล อาการปวดชา และช่วยให้นอนหลับดีขึ้นตามที่กล่าวไว้ในวรรณคดีจีนและอินเดีย คนในสมัยนั้นจึงรู้ว่ากัญชามีประโยชน์หลายอย่าง
สิ่งที่น่าประทับกว่านั้นก็คือผู้คนในสมัยนั้นรู้จักวิธีการนำส่วนต่างๆของต้นกัญชามาใช้เพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุด เห็นได้ชัดว่ากัญชาได้รับความสนใจอย่างยิ่ง ตามเรื่องราวต่อไปนี้:
การขุดค้นทางโบราณคดีใกล้กับเทือกเขา Flaming Mountains ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนในปัจจุบันเผยให้เห็นหลุมศพของมนุษย์ (ย้อนไปเมื่อ 750 ปีก่อนคริสตกาล) โดยมีกัญชา 800 กรัมอยู่ข้างๆ และมีเนื้อหา THC สูง การวิเคราะห์เพิ่มเติมรายงานว่าพืชชนิดนี้ได้รับการเพาะปลูกจากสายพันธุ์กัญชาที่คัดเลือกมาอย่างดีเพื่อให้มี THC มากกว่ากํยชาที่มาจากป่า
นั้นหมายความว่า ผู้คนในสมัยนั้นศึกษาพืชและเพาะปลูกพืชโดยเน้นไปที่ตาและส่วนต่างๆของพืชเพศเมียและทิ้งพืชเพศผู้เพื่อให้ได้ส่วนที่มีผลจิตประสาทมากที่สุด
เมื่อมีการล่าอาณานิคม ก็เกิดการค้าที่เฟื่องฟูระหว่างภูมิภาคและการเดินเรือ กัญชาก็แพร่กระจายไปทางตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งไปยังยุโรป อเมริกา และแอฟริกา
การแพร่หลายของกัญชาเข้ามาสู่ประเทศไทย

เชื่อกันว่ากัญชาเข้ามาสู่ประเทศไทยประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมทั้งสองประเทศถึงเรียกพืชชนิดนี้ว่ากัญชาเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าการแพร่หลายของกัญชามาสู่ประเทศไทยนั้นยังเป็นที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเมื่อไร แต่เรารู้ดีว่ากัญชาได้อยู่ในประเทศไทยมาหลายทศวรรษแล้ว ในอดีต กัญชาถูกนำมาใช้เพื่อผลิตเส้นใยเชือกและเสื้อผ้า
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จากกัญชง เช่น สิ่งทอก็เป็นที่นิยมใช้ในประเทศไทย โดยนักมวยจะใช้ผ้าพันมือที่ทำมาจากกัญชงเพื่อป้องกันมือในขณะชกมวย
คนไทยทราบถึงประโยชน์ของกัญชาที่สามารถลดความเจ็บปวด ความวิตกกังวล ความเครียด และทำหน้าที่เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ และก่อให้เกิดต้นกำเนิดของกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งคนงานใช้พืชชนิดนี้เพื่อผ่อนคลายหลังจากทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน และผู้หญิงก็ใช้มันเพื่อลดอาการเจ็บท้องคลอด
อย่างไรก็ตาม ในทศวรรษที่ 20 กัญชาเป็นพืชผิดกฏหมายในประเทศไทย ซึ่งการสั่งห้ามนี้ทำให้เกิดพระราชบัญญัติยาเสพติดในปัจจุบันและทำให้กัญชาเป็นพืชผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีคนที่เพลิดเพลินกับกัญชาและหลบซ่อนกัญชาเพื่อไม่ให้ถูกจับ ทำให้มีการจับกุมการค้ากัญชาใต้ดินในทศวรรษที่ 40 และ 50 และเรื่อยมา ถึงแม้ว่าจะมีกฏหมายสั่งห้ามไม่ให้ครอบครองกัญชาแต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบเนื่องจากกัญชาสามารถพบได้ทั่วไปในประเทศไทยและผู้คนต่างก็ยอมรับว่าพืชชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเขาไปแล้ว
กัญชาในทศวรรษที่ 60 จนถึงปัจจุบัน

ในช่วงสงครามเวียดนาม (1960-1975) สหรัฐใช้ไทยบังคับกองบิน ฐานเพื่อให้เป็นที่ตั้งของฐานทัพของทหารสหรัฐฯที่รับใช้ในสงคราม ทั้งหมดสำหรับ ทำให้ในช่วงสงคราม มีทหารสหรัฐฯ อยู่ในประเทศมากกว่าทหารเวียดนาม นอกจากนี้ยังเป็นสถานสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจของทหารเมื่อไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่
ในช่วงที่ทหารสหรัฐได้ใช้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจอย่างแท้จริง ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ขบวนการฮิปปี้กำลังแพร่หลายไปในตะวันตก เพื่อเรียกร้องให้ยุติสงครามเวียดนาม ซึ่งก็เป็นสาเหตุว่าทำไมวัฒนธรรมฮิปปี้ถึงให้ความสำคัญบกัญชาอย่างมาก
เหตุการณ์ทั้งสองนี้ทำให้เกิดการแพร่ขยายของกัญชาสู่ประเทศไทย โดยผู้ประกอบการในท้องถิ่นขายกัญชาให้กับ G.I. ของสหรัฐอเมริกาในรูปแบบบุหรี่ม้วนก่อนที่จะมาเป็นรูปแบบอื่น ๆ – นี่คือสาเหตุว่าทำไมบ้องไทยถึงโด่งดังนัก! แม้แต่คำว่า ‘บ้อง’ ก็เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากคำว่า ‘bhaung’ ของไทยซึ่งแปลว่าท่อน้ำไม้ไผ่ที่ชาวบ้านใช้สูบกัญชา
ในช่วงสงคราม ทหารสหรัฐชื่นชอบกัญชาอย่างมากถึงขนาดนำกลับบ้านเกิดของพวกเขาทำให้ความต้องการทางตลาดของสหรัฐนั้นมีมากขึ้น สืบเนื่องจากความต้องการนี้ ซึ่งในตอนแรกเป็นระบบไปรษณีย์ของทหาร อุตสาหกรรมกัญชาจึงเฟื่องฟูในประเทศไทยในช่วงทศวรรษที่ 70 และ 80 ประกอบกับภูมิศาสตร์ที่มีความอุดมสมบูรณ์และสภาพแวดล้อมที่ดีเยี่ยม (โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ) ทำให้มีการปลูกพืชกัญชาที่มีคุณภาพ
ซึ่งทำให้เกิดการลักลอบกัญชาจากไทยไปยังสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ – โดยมีแก๊งค้ากัญชาลักลอบนำเข้ากัญชาหลายพันกิโลกรัมทุกปี ผู้คนในประเทศจึงได้ใช้และเพลิดเพลินกับพืชชนิดนี้ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กฏหมายในปัจจุบันและในอนาคต

กัญชาเป็นสิ่งต้องห้ามในประเทศไทยมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 20 โดยในช่วงทศวรรษ 1980 สหรัฐฯ ทุ่มสุดตัวในการทำสงครามยาเสพติด เพื่อให้นำเข้าสารเสพติดต่างๆ จากประเทศแถบตะวันออก ซึ่งกัญชาก็เป็นหนึ่งในสารเสพติดที่คนต้องการเป็นอย่างมาก ทำให้ประเทศไทยเข้าร่วมการนำเข้าครั้งนี้
ส่งผลให้กฏหมายเกี่ยวกับสารเสพติดเข้มงวดมากขึ้นแต่ใช้สารเสพติดก็ไม่ลดน้อยลง ผู้คนต่างระวังเรื่องการใช้สารเสพติดมากขึ้นและยังคงสูบกัญชชาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฏหมายเกิดขึ้น โดยประเทศไทยได้ปลดกัญชาออกจากรายชื่อสารเสพติดเนื่องจากกัญชาสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ ดังนี้
- ประเทศไทยปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ให้ถูกกฎหมายในปี 2562
- มีการแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดในปีถัดมา ซึ่งทำให้ cannabidiol (CBD) ถูกกฎหมายในประเทศ และผู้คนสามารถซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์ CBD ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ อย่างไรก็ตาม การใช้ THC ยังคงผิดกฎหมาย เว้นแต่จะเป็นการรักษาโรคหรือปัญหาสุขภาพ
- ครัวเรือนไทยสามารถปลูกพืชกัญชาได้แม้ว่าจะไม่สามารถนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางจิตเวช/สันทนาการได้ โดยดอกกัญชาต้องถูกส่งไปยังรัฐเพื่อตรวจสอบปริมาณ THC (สารออกกฤทธิ์ต่อจิตประสาท) ไม่เกิน 0.2% โดยน้ำหนัก
ผู้คนได้ทดลองใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมาย โดยบางคนใช้เพื่อให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยที่มีโครงการเฉพาะเพื่อศึกษาประโยชน์ของกัญชา สิ่งต่างๆกำลังเปลี่ยนแปลง และหวังว่าประเทศไทยจะก้าวหน้าพอที่จะควบคุมการใช้กัญชาได้เช่นเดียวกับตะวันตก